ฉากที่ 3 

สู่วังวนที่หวนคืน

 

จากพฤติกรรมที่เห็นขอพูดแทนเจย์เลนเลยว่ามนุษย์แฟนเก่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญที่สุดในโลก คุณว่างั้นไหมโดยเฉพาะแฟนเก่าที่ขี้ตื๊อและหน้ามึน

"เจย์เลน เปิดประตูให้พี่หน่อย เจย์เลน พี่รู้ว่านายอยู่ในห้องนะ" กียุลยืนโวยวายอยู่หน้าเพนต์เฮาส์หรูมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วในขณะที่เจ้าของห้องทำหูทวนลมไม่สนใจเสียงที่ดังมาจากจอฮอโลแกรม เจย์เลนกำลังใช้สมาธิในการอ่าน
บทภาพยนตร์ที่คังจุนส่งมาให้อย่างขมักเขม่นเนื้อเรื่องน่าสนใจไม่น้อยแต่ไหงวิธีเล่าเรื่องมันคุ้นจนทำให้นึกถึงคนที่โวยวายอยู่หน้าห้องล่ะ

"ไม่มาเปิดประตูพี่ก็จะอยู่นี่ทั้งวันเลยเอาสิ" ผู้กำกับหนุ่มเทียวมาหาเจย์เลนได้สามวันแล้วเพราะเขาเองก็อยู่ที่ อพาร์ตเมนท์นี้เช่นกันเป็นตึกข้าง ๆ นี่เอง มันเลยง่ายที่เขาจะมาตามตื๊อขอแฟนเก่าคืนดีได้ทุกวัน

"มินกียุลเหรอ" เสียงหวานเอ่ยกับตัวเองเมื่ออ่านชื่อผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้ง คิ้วเป็นทรงสวยเริ่มผูกเป็นปม หวั่นใจว่าจะเป็นมินกียุลคนเดียวกันกับที่กำลังเล่นสงครามประสาทกับเขาอยู่หน้าห้องไม่รอช้าให้กับ
ความสงสัยเจย์เลนต่อสายหารุ่นพี่คนสนิททันที

"พี่ครับ มินกียุลนี่คือใคร"

"ก็ผู้กำกับไง เป็นเพื่อนพี่เอง นี่นายอ่านบทแล้วเหรอ ชอบไหม? นายตกลงใช่ปะ ช่วยพี่เถอะนะพี่ขอร้องนะเจย์เลนนะ" คังจุนใช้ลูกอ้อนเมื่อเห็นช่องทาง

"อ่านแล้วแต่ยังอ่านไม่จบผมชอบบทครับ แต่อยากเห็นหน้าผู้กำกับก่อน"

"นายตกลงรับงานนี้ก่อนสิ พี่จะบอกว่าเขาคือใคร"

"ผมเอาชื่อไปเสิร์ชหาในกูเกิ้ลก็ได้ ผู้กำกับที่ชื่อมินกียุลมันจะมีกี่คนเชียว" ขอแค่ค้นหาแล้วไม่เจอหน้าแฟนเก่าเขาก็ถือว่าผ่านแล้ว เขาอยากรู้แค่นี้

"เจย์เลน…" น้ำเสียงของคังจุนจริงจังขึ้นกว่าปกติซึ่งหาได้ยากจากคนคนนี้ เขาระบายลมหายใจก่อนจะพูดใจ
ความสำคัญออกมาเนื้อความค่อนข้างสะเทือนใจเจย์เลนไม่น้อย

"นี่มันมากกว่าหนังเรื่องหนึ่งนะเจย์เลน นี่มันความฝันเลยนะเว้ย ฝันของใครหลายคนอยู่ในหนังเรื่องนี้ และพวกเราก็อยากหาคนที่มีฝีมือดีมีใจรักที่จะทำงานตรงนี้มาร่วมฝันไปด้วยกัน พี่เป็นแค่ทีมเสียงพี่ยังรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งเลย พี่ก็อยากชวนน้องที่พี่รักมาเป็นส่วนหนึ่งด้วยกัน ถ้าเกิดว่าหนังเรื่องนี้ชนะการประกวดขึ้นมามันจะเป็นยังไงเจย์ มันจะทำให้นายกลับมาทำตามฝันได้เลยนะพี่เชื่อว่ามันจะเป็นแบบนั้นนะ พี่รู้เจย์รักงานด้านนี้แค่ไหน แต่เจย์ยังกลัวมันอยู่ พี่อยากช่วยแล้วก็อยากให้เจย์ช่วยพี่ด้วย…ได้ไหมเจย์"

ทุกคำที่คังจุนพูดมันกระแทกเข้ามาในหัวใจที่เหี่ยวแห้ง ความฝัน? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ทิ้งมันไปเจย์เลนก็ไม่อยากจะจำมัน แต่เมื่อคิดตามก็รู้สึกมีพลังบางอย่างอยากลองพังทลายความกลัวนั้นลง อยากลองดูสักครั้งว่าจะไปถึงฝันนั้นได้ไหม ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการรวมตัวของคนมีฝันที่อยากถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้คนทั่วไปได้ประจักษ์แก่สายตาซึ่งมันก็แทบจะเป็นจุดประสงค์ของคนที่ทำงานด้านนี้หลาย ๆ คนเลย

"ได้ครับ...ผมจะทำ"

"จริงนะเจย์ เย้!!! พี่ขอบคุณมากนะ ขอบคุณ ขอบคุณ บ่ายนี้เข้ามาบริษัทเลยได้ไหม พี่จะแนะนำให้ทุกคนรู้จักนาย เราจะได้ทำงานกันเลย นายไม่ได้รับงานกองไหนไว้ใช่ไหมวันนี้"

"ไม่ครับพี่ ผมว่าง ส่งโลเคชันมาให้ผมในข้อความเลยนะ" ก่อนจะวางสายไปเจย์เลนยังได้ยินเสียงตะโกนแหกปากดีใจของรุ่นพี่แว่วมาอยู่เลย คนหน้าหวานส่ายหัวเอือมระอาแต่ยิ้มให้กับความติงต๊องแล้วดันนึกขึ้นได้ว่ากียุลยังอยู่ที่หน้าประตูก็กลับมาบึ้งบูดทันที

เจย์เลนปัดมือบนอากาศให้หน้าจอฮอโลแกรมขึ้นมาก่อนจะเห็นหนุ่มลุคสะอาดสะอ้านนั่งหงอยอยู่ที่พื้นแล้วก็นึกขำ สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมเดินไปเปิดประตูด้วยตัวเอง อะไรกันนะอารมณ์ไม่นิ่งเลยเจย์เลนแปลกใจกับตัวเอง

"เจย์เลน >O<" เหมือนลูกหมาที่เห็นเจ้าของไม่มีผิดถ้ามีหางแล้วกระดิกไปมาก็ใช่เลย

"มาทำไมครับ"

"เอาข้าวเช้ามาให้ พี่ทำมาให้เองเลยนะข้าวผัดกิมจิของโปรดนาย" มาได้ถูกเวลาเพราะเจย์เลนยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ไม่สิ กินไปแล้วแต่อาเจียนออกเรียบร้อย เจย์เลนเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วกินอะไรไม่ค่อยได้เพราะเหม็นจนอาเจียน ซ้ำยังไม่สบายตัวเหมือนจะเป็นไข้ตลอด เหนื่อยง่ายอีกด้วย สารพัดอาการที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่ยักไปหาหมอ รายนี้ชอบทึกทักอาการป่วยเอาเองทำแค่นอนพักนั่นแหละคือการรักษาอาการป่วยของเจย์เลน ไหนจะขยาดกลิ่นเหม็นจากโรงพยาบาลอีกนี่เจ้าตัวนึกถึงก็อยากวิ่งไปห้องน้ำแล้วนะ

"ทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะ"

"อุ่ก อุบ!" เพียงแค่ยื่นกล่องข้าวมาให้เท่านั้นร่างเล็กก็วิ่งปิดปากกลับเข้าห้องไป มุ่งตรงไปที่ห้องน้ำปล่อยน้ำใส ๆ ขมปร่าออกมาเหมือนตอนตื่นนอนไม่มีผิด

"เจย์เลน! ยังไม่หายอีกเหรอ"

กียุลวิ่งตามไปลูบหลังให้ติด ๆ นั่งลงกับพื้นห้องน้ำอย่างไม่นึกรังเกียจเพราะตอนนี้เป็นห่วงเจย์เลนมากกว่าอะไรทั้งสิ้น

"แค่ก แค่ก ฮืออ ทรมานจังวะ"

"ให้พี่พาไปหาหมอนะเจย์"

ร่างเล็กประคองตัวเองขึ้นจากชักโครกมาที่อ่างล้างหน้าโดยมีกียุลต้องประคองกอดไว้ตลอดเวลาเพราะทำท่าจะล้มเจย์เลนเหนื่อยเวียนหัวจนไม่สามารถยืนเองไหว

"ไม่ไปครับ อึ่ก" กียุลวักน้ำให้คนน้องบ้วนปากล้างหน้าล้างตาก่อนจะจับน้องมาพิงอกตัวเองไว้แล้วเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าให้เจย์เลนอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็อุ้มไปส่งที่เตียง

"บอกพี่สิทำไมเป็นแบบนี้ หื้ม?" เสียงอบอุ่นถามคนที่นอนหน้าซีดดวงตาปรือปอยหมดแรงจะดื้อ

"เหม็นกลิ่นกระเทียม" เสียงเบาหวิวตอบกลับมา แน่นอนในข้าวผัดที่กียุลทำมามีกระเทียมเป็นส่วนประกอบ

"นายกินอะไรได้บ้าง พี่อยากให้ไปหาหมอนะเจย์เลน"

"ปกติผมชอบเครียดลงกระเพาะ ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่กลับไปเถอะ"

"ไม่ วันนี้พี่จะอยู่กับนายทั้งวันให้แน่ใจว่านายจะไม่เป็นอะไร"

"พี่ไม่มีงานทำหรือไง ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว"

"เห็น ๆ อยู่ว่าเป็น นอนพักไปเลย พี่จะไปทำอาหารอ่อน ๆ ให้กิน ต้องตื่นมากินด้วยนะ" กียุลไม่รอให้คนดื้อตอบอะไรกลับมา เขาเดินออกไปทำสิ่งที่พูดไว้ทันทีและไม่นานเขาก็ทำเสร็จพอดีกับที่เจย์เลนอาการดีขึ้น ตอนนี้ลุกขึ้นมากินข้าวต้มของกียุลหมดไปแล้วอย่างเอร็ดอร่อย

"กลับไปได้แล้วครับ ผมจะไปทำงาน"

"สภาพนี้จะไปทำงาน? ข้ามศพพี่ไปก่อนเถอะ"

"มีสิทธิ์อะไรมาห้ามผมไม่ทราบ" นั่นสิคิดแล้วกียุลก็สลดแต่เขาจะไม่มาหมดกำลังใจตอนนี้หรอก นี่มันพึ่งเริ่ม

"งั้นก็ให้สิทธิ์พี่สิ"

"ฝันเอานะครับ" ร่างเล็กเบ้หน้าใส่ก่อนจะลุกขึ้นสะบัดก้นหนีไปอีกแล้ว ไม่นานเจย์เลนก็ออกมาในชุดแนวสตรีท
เสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์ กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ เตรียมพร้อมไปทำงานกับสมุดโน้ตข้างกายที่เจ้าตัวชอบใช้ไว้จดนู่นนี่เหมือนเมื่อหลายปีก่อน

"ยังเก็บไว้อยู่อีกเหรอนั่นน่ะ" กียุลทักเขาจำสมุดเล่มนี้ได้เพราะเขาซื้อให้เจย์เลนเอง มันเป็นสมุดโน้ตปกหนังสีดำดีไซน์เท่ทว่าพวงกุญแจตัวการ์ตูนที่ห้อยประดับอยู่ทำให้มันน่ารักขึ้นเป็นกองและหนึ่งในตัวการ์ตูนน่ารักเหล่านั้นก็มีพวงกุญแจรูปทรงม้วนฟิล์มที่มีรูปของเขาสองคนอยู่ในนั้นด้วยมันทำให้กียุลยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

"ยังไม่กลับอีกเหรอครับ เรื่องของพี่นะผมไปละ ถ้าของในห้องผมหายระวังมีตำรวจไปเคาะประตูบ้านแล้วกัน"
เจย์เลนเลี่ยงคำตอบด้วยการทำหงุดหงิดใส่แต่ไม่หรอกเขาหงุดหงิดจริง การที่รีบร้อนก้ม ๆ เงย ๆ ใส่รองเท้าผ้าใบด้วย
ความฉุนเฉียวจึงทำให้เวียนหัวเสียหลักจนได้

"เฮ้ย!!นั่นไง"

เคลื่อนไหวร่างกายเร็วก็พลอยจะหน้ามืดแบบนี้ทุกที ดีที่กียุลพุ่งเข้าไปประคองไว้ทัน

"ยังจะดื้อไปอีก พักอยู่บ้านเถอะ" ร่างเล็กดันตัวกียุลออกเพื่อที่จะยืนด้วยตัวเอง

"ไม่ได้ครับ งานนี้สำคัญผมรับปากไปแล้ว"

"งั้นพี่ไปส่ง ถ้าปฏิเสธพี่จะอุ้มไปส่งโรงพยาบาลแทน เอาดิ เลือกมา คิดว่าสู้แรงพี่ไหวก็ลองดื้อได้เลย"

“-__-"

จะมีใครที่ปราบพยศเจย์เลนได้ก็ต้องกียุลคนเดียวนี่แหละหาใครในโลกไม่มีอีกแล้ว และจะหาใครที่ทำให้เจย์เลนดื้อได้ขนาดนี้ก็ต้องกียุลคนนี้อีกเช่นกัน

"ตามโลเคชันนี้เลยเหรอ แน่ใจนะเจย์เลน"

"ครับ รุ่นพี่ผมส่งมาให้แบบนั้น" กียุลได้ฟังยิ่งใจชื้นแถมเมื่อกี้แอบดูหน้าจอโทรศัพท์เจย์เลนแล้วรุ่นพี่ที่ว่าชื่อคังจุน มันจะมีอะไรบังเอิญกว่านี้อีกไหม

 

MGY Entertainment , ห้องประชุม

 

เจย์เลนนั่งเก็บอาการไม่พอใจอย่างถึงที่สุดในขณะที่กียุลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุขที่จะได้ทำงานอยู่ใกล้ ๆ แฟนเก่า เมื่อไม่กี่นาทีก่อนก็เกือบตีกันที่หน้าลิฟต์เพราะมีคนเรียกกียุลว่าท่านประธาน ตอนนั้นเจย์เลนรู้เลยว่าตัวเองโดนต้มเข้าให้แล้วเขายืนยันจะกลับให้ได้เพราะไม่อยากทำงานกับกียุลแต่คังจุนมาเจอพอดีลากเข้าไปในห้องโปรดิวเซอร์ทันใดจากนั้นก็มาประชุมเลย สุดท้ายมันก็เป็นอย่างที่เห็น

"พี่ติดหนี้ผมครั้งใหญ่เลยพี่จุน พี่ต้องชดใช้ให้ผม" เสียงหวานกระซิบขู่เบา ๆ ให้ได้ยินกันสองคนกับคังจุน

"อะไรวะ พี่ทำไรผิด แล้วนายมากับกียุลได้ไงรู้จักกันเหรอ?" มนุษย์หุ่นหมีงงงวยไม่เข้าใจแล้วยังถามคำถามไม่ควรถามอีกเลยโดนหยิกไปสองทีให้แสบ ๆ คัน ๆ โชคดีที่ทุกคนเข้าห้องประชุมกันมาจนครบและเริ่มการประชุมแล้วเขาเลยไม่โดนทำร้ายร่างกายเพิ่มเติม

"วันนี้เรามีสมาชิกใหม่มาแนะนำนะครับ ผมขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคุณปาร์คเจย์เลนที่จะมาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับแทนซีคที่พักรักษาตัวอยู่ คุณเจย์เลนจะอยู่กับพวกเราสี่เดือนครับ" สิ้นคำของจินกูโปรดิวเซอร์คนสำคัญผู้ช่วยผู้กำกับคนใหม่ลุกขึ้นโค้งคำนับให้ทุกคนที่ปรบมือต้อนรับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

"ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับทุกคน ผมจะตั้งใจทำงานอย่างถึงที่สุดเลยครับ ช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ" เสียงหวานเอ่ยแล้วโค้งตัวอีกครั้งก่อนจะโปรยยิ้มหวานให้ทุกคนปิดท้ายแล้วนั่งลงตามเดิม เกิดเสียงพูดคุยเล็กน้อยถึงผู้ช่วยผู้กำกับคนใหม่

"เอาล่ะ ผมจะแนะนำบุคคลที่คุณเจย์เลนจะต้องได้ทำงานด้วยอย่างใกล้ชิดก่อนนะครับ คนนี้คือคุณมินกียุลผู้กำกับและเจ้าของบริษัทของเรานะครับ คุณจะต้องตัวติดกับเขาตลอดการทำงาน ฮ่า ๆ ฝากหมอนี่ด้วยนะครับเขาค่อนข้างจะติดเล่นนิดหนึ่งต้องตบ ๆ ให้เข้าที่หน่อย" รู้ ตามจริงเจย์เลนรู้นิสัยของคนคนนี้ดีกว่าใครเลยแหละ

"คนต่อไปที่นั่งตรงข้ามคังจุนทีมเสียงของเราก็คือผู้กำกับภาพนะครับ คุณเรียวตะตากล้องฝีมือดีของเรา เดี๋ยว
คุณเรียวตะแนะนำทีมกล้องกับทีมไฟของคุณให้คุณเจย์เลนรู้จักด้วยนะครับจะได้ทำงานกันคล้องขึ้น ต่อไปคนที่นั่งข้าง คุณเรียวตะคืออาร์ตไดเร็กเตอร์นะครับ ชื่อว่าคุณแทมินจะดูแลเรื่ององค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ นะครับ" จินกูไล่ชื่อทีมงานให้เจย์เลนฟังโดยที่คนหน้าสวยได้แต่ยิ้มและพยายามจำชื่อเพื่อนร่วมงานให้ได้มากที่สุดต่อมาก็เริ่มประชุมกันทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา

“เรื่องจะใช้ AI ถ่ายทำหรืออุปกรณ์ที่ไม่ใช่มนุษย์ทำผมขอไม่เอานะครับ ผมอยากให้มันเป็นงานที่พวกเราทำด้วยมือของเราจริง ๆ” ผู้กำกับแย้งขึ้นมาเมื่อประชุมกันมาจนถึงหัวข้อนี้

“แต่ถ้าเราใช้เทคโนโลยีพวกนี้ทำ การถ่ายทำจะเร็วขึ้นนะ” โปรดิวเซอร์แจงเหตุผล

“ไม่ครับ เราจะถ่ายทำทุกขั้นตอนด้วยฝีมือของทีมงานเองเท่านั้น โดยเฉพาะกล้องผมไม่ใช้หุ่นยนต์ หุ่น AI เด็ดขาดเลย เรามีทีมกล้องฝีมือดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้หรอกครับของพวกนั้น” กียุลยืนยันเจตนาเสียงแข็ง ถกเถียงกันอยู่นานจนได้ข้อสรุปตามที่ผู้กำกับต้องการเช่นเดียวกับความเห็นส่วนใหญ่ของทีมงาน

“ผมจะติดต่อกับทีมงานที่ต่างประเทศให้อีกทีนะครับฝ่ายศิลป์ ส่วนฝ่ายไหนอยากเพิ่มเติมอะไรก็บอกผมได้ แล้วก็ผมขอความร่วมมืออีกครั้งนะครับสำหรับใครที่เป็นอีโบนีช่วยเมตตาฮิปนอสด้วย พวกเราจะได้ทำงานกันอย่างราบรื่น การประชุมของเราในวันนี้ก็มีเท่านี้นะครับ จากนี้คงต้องประชุมกันบ่อยนิดหนึ่งนะ ใครที่ต้องเตรียมงานไม่ต้องมาก็ได้นะครับมาเฉพาะหัวหน้าทีมก็ได้ เพราะว่าผมอยากให้มาอัปเดตความคืบหน้าเท่านั้นและอาจมีอะไรเพิ่มเติมนิดหน่อย ผมจะสรุปการประชุมให้ในกรุ๊ปอีกที อยากให้เราคุยกันเยอะ ๆ นะครับ งานจะได้ออกมาดี พยายามสื่อสารกันหากมีอะไรขาดตกบกพร่องไปหรืออยากได้อะไรเพิ่มเติมเราก็เอามาคุยกัน Teamwork Makes The Dream Work นะครับทุกคน สำหรับวันนี้ขอบคุณมากครับ” ผ่านไปสองชั่วโมงเมื่อการประชุมจบลงเจย์เลนก็ได้เอกสารออกมาเต็มไม้เต็มมือไม่ว่าจะตัว
บทภาพยนตร์ ตารางการถ่ายทำ กำหนดการนัดหมายต่าง ๆ เจย์เลนรู้สึกมีไฟขึ้นมาอย่างประหลาดยิ่งดูท่าว่างานจะล้นมือเขายิ่งตื่นเต้นที่จะได้ทำ

“เจย์เลน เดี๋ยวไฟล์งานต่าง ๆ พี่จะส่งให้นายอีกทีนะ เหนื่อยหน่อยนะเจย์เลน ไอ้ผู้กำกับเรามันหัวโบราณอ่านบทต้องอ่านจากกระดาษ โลกเราหมุนไปไกลแล้วมันก็ไม่หมุนตาม” จินกูบ่นพลางเดินมาตบไหล่เล็กอย่างเป็นกันเองก่อนจะนำมือล้วงกระเป๋าอย่างมีมาด

“สบายมากครับ ผู้กำกับเขาก็เป็นแบบนั้นล่ะครับ ผมจะตั้งใจทำเต็มที่เลย”

“โอเคเลย พี่กลับก่อนนะ มีอะไรก็โทรมา ฉันกลับก่อนนะเว้ยคังจุน”

"โอเคเจอกันพี่ แล้วนายกลับไงเนี่ย" ชายแก้มบุ๋มยกมือไล่เพื่อนรุ่นพี่แล้ววาดแขนลงกอดคอน้องคนสนิทอย่างลื่นไหล "รถบัสประจำทางไงครับ พี่ว่างเปล่าล่ะไปส่งผมเลย ผมจะไปลาออกที่อีโบนีคลับด้วยหรือผมยังไม่ลาออกดีวะพี่"

เจย์เลนว่าเสียงงอนใส่คังจุนแต่สุดท้ายก็ขอความเห็น เรื่องลาออกจากอีโบนีโฮสคลับคงต้องคิดอีกทีตอนนั่งรถไป เพราะเขาไม่ค่อยอยากลาออกเท่าไหร่ เขาได้รู้จักผู้คนมากมายได้เรียนรู้อะไรจากที่นั่นมาเยอะเขาทำงานมาหลายปีมันก็
ใจหายนะ

"ว่างดิพี่ไปส่ง ลาออกก็ดีนะ พี่ไม่อยากให้นายทำงานที่นั่น"

"ผมไม่ค่อยอยากออกหรอกครับ แต่ใครจะให้ผมลางานสี่เดือน พี่นะพี่ ไหนตอนแรกบอกว่าสามเดือนไงพอผมไปคุยสี่เดือนเฉยเลย"

"พี่ก็ไม่รู้ว่ะ ตอนแรกพี่จินกูเขาบอกพี่ว่าสามเดือน" จะเฉลยให้แล้วกันเพราะกียุลส่งข้อความไปบอกให้จินกูโน้มน้าวเพิ่มเวลาการทำงานเป็นสี่เดือนไง

"เอาน่าเผลอ ๆ นายอาจจะได้ทำงานที่นี่ตลอดไปเลยก็ได้นะ อุตส่าห์ลาออกจากงานเพื่องานนี้ขนาดนี้ หรือถ้าไม่เป็นแบบนั้นพี่จะหางานให้นายเอง เห็นงี้ก็มีเส้นมีสายนะเว้ย"

"ขี้โม้ฉิบหาย เป็นรามยอนหรือไงมีเส้นมีสาย"

"จริง ๆ นะ พี่ไม่ปล่อยนายตกงานหรอก เอามาพี่ช่วยถือ เออพี่ยังสงสัย นายมากับกียุลได้ไงนายสองคนเป็นไรกัน รู้จักกันด้วย?" ทั้งสองเดินคุยกันมาผ่านแผนกต่าง ๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมที่มีหลายห้องมาก ห้องซ้อมการแสดง ห้องตัดต่อ และอีกสารพัดห้องที่เกี่ยวกับงานโปรดักชัน เดินกันมาจนเกือบสุดทางเดินและปลายทางของพวกเขาคือที่จอดรถชั้นใต้ดิน

"เรื่องมันยาวอะพี่ ช่างมันเหอะ แต่ผมบอกเลยผมทำงานกับเขาไม่ได้หรอกตอนทำงานเขาต่างกับผมมากทัศนคติเราต่างกัน" ความคิดต่างกันแค่ไหนเจย์เลนก็เข้าใจนะ แต่มันก็หงุดหงิด

"พูดเหมือนรู้จักดี เล่ามาดิมันยังไง นี่พี่นะ"

“ผมกับเขาเคยเป็นฟะ-”

"เฮ้! เจย์เลน จะกลับแล้วเหรอ ให้พี่ไปส่งนะ" ขาเรียวก้าวหนีฉับไวเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยมาจากด้านหลังทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าส่วนคนงงก็คือคังจุนที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับสองคนนี้ เขาเดินตามทั้งคู่อย่างกับถูกจูงและด้วยความที่อีโบนีไม่ดูร่างกายตัวเองก็เริ่มหน้ามืดอีกครั้งโลกทั้งใบหมุนราวกับกล้องที่กำลังจะหล่นลงสู่พื้นจอภาพสะเปะสะปะไปทั่วชวนให้วิงเวียนศีรษะ

สองคนที่เดินตามหลังมาตกใจสุดขีดพยายามจะไปถึงตัวเจย์เลนให้ไวที่สุดแต่ไม่ทัน...ไม่ทันเรียวตะที่ผ่านมาพอดีรับร่างเล็กไว้ได้ไม่งั้นคงหัวฟาดพื้นแน่ ทว่าเจย์เลนจะไปอยู่ในอ้อมอกใครได้นาน กียุลเข้าไปช้อนตัวคนเป็นลมขึ้นแนบอกไม่สนสายตาใคร จุดหมายก็คือห้องทำงานของเขาที่มีห้องนอนอยู่ด้านหลังฉากห้องทำงานอีกที อย่างที่รู้กันเขาเป็น ฮิปนอสไม่สามารถหลับเองได้ แต่เวลาไหนที่เกิดนอนได้ขึ้นมา เช่น ทำงานจนสมองเบลอแล้วก็กินยาเพื่อที่จะพักจะต้องนอนเขาก็ต้องนอนที่นี่เลย

"บอกคนในห้องพยาบาลให้มาดูอาการเจย์เลนที ให้แม่บ้านเอาผ้าสะอาดกับน้ำอุ่นมาให้ฉันด้วยนะ"

คังจุนกับเรียวตะถึงจะงงอยู่ก็ไปทำตามแต่โดยดี ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ชักไม่ชอบมาพากลมีพิรุธมากและพวกเขาต้องรู้ให้ได้เลยว่ามันมีอะไรในกอไผ่ใต้ตึกบริษัทเอ็มจีวายเอนเทอร์เทนเมนต์แห่งนี้

ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองชายใบหน้าสวยอย่างห่วงใย มือหนาลูบกลุ่มผมบลอนด์เบามือ ทันใดนั้นในสมองก็หวนคืนความหลังคราวที่ยังเป็นแฟนกันอยู่ เจย์เลนกับกียุลเป็นรู่นพี่รุ่นน้องกันมาตั้งแต่มัธยมปลายจนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโซลเรียนเอกภาพยนตร์มาด้วยกันและตกลงคบกันตอนกียุลอยู่ปีหนึ่ง อายุพวกเขาต่างกันหนึ่งปีไม่ได้ห่างกันมากเขาเหมือนเพื่อนกันมากกว่าเพราะสนิทสนมกันมานาน

ใครที่เรียนรุ่นเดียวกับพวกเขาก็รู้ถึงความคลั่งรักของทั้งคู่กันทั้งนั้นเป็นคู่รักอีกคู่ที่ดังมากในคณะเพราะเวลารักก็รักกันหวานชื่นจนน่าอิจฉาแต่บทจะตีกันก็ใส่นัวยิ่งกว่าอะไร ตีกันในที่นี้คือการทำงานของพวกเขาสองคนไม่ค่อยจะลงลอยกัน กียุลมักเป็นคนที่ยืดหยุ่นในการทำงานใจเย็นทำงานภายใต้ความผ่อนคลายสนุกสนานผิดกับเจย์เลนที่ทุกอย่างต้องดีต้องเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว เขาก็เลยตีกันเสมอ ครั้งหนึ่งที่ร่วมกันกำกับละครเวทีก็เถียงกันต่อหน้าคนนับร้อยในโรงละครมาแล้ว

"หึหึหึ นายมันดื้อมาแต่ไหนแต่ไรเจย์ แต่ยังน่ารักสำหรับพี่เหมือนเดิม" ผู้กำกับหนุ่มเอ่ยแล้วยิ้มก่อนจะเลื่อนมือไปหยิกแก้มนิ่มแผ่วเบา จังหวะนั้นมันทำให้เจย์เลนได้สติกลิ่นกาแฟผสมส้มจากตัวกียุลทำให้เขาอาการดีขึ้นอย่างประหลาด คนหน้าสวยเริ่มกะพริบตาตื่น

"เป็นไง ดีขึ้นไหม ไปโรงพยาบาลกันเถอะ นายเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ เป็นอะไรร้ายแรงขึ้นมาจะทำยังไง"

"..."

เจย์เลนไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เอาแต่มองหน้ากียุลโดยไม่สื่ออารมณ์ใด

อึดอัด...

เพราะแท้จริงเจย์เลนกำลังเผชิญกับความรู้สึกนี้และทำให้ตัดสินใจพูดสิ่งที่พึ่งคิดได้ออกไปโดยไม่ยั้งปาก

"ผมทำงานกับพี่ไม่ได้ ผมจะถอนตัว เราไม่ควรเจอกันอีก ไม่ควรเป็นแบบนี้" เหมือนหัวใจกียุลถูกมือที่มองไม่เห็นบีบให้เจ็บอย่างรุนแรง อะไรที่ทำให้เจย์เลนชอบหนีไปจากเขากันนะกียุลไม่เข้าใจหรือตัวเขามันแย่ขนาดนั้นเลยหรือ

"ทำไม? เพราะเราเคยเป็นแฟนกันเหรอ"

"ใช่ครับ พี่ไม่อึดอัดเหรอ? ที่เรามาเจอกันอีกครั้งหลังจากที่ผมปฏิเสธพี่ไปแบบนั้น"

"ไม่...เพราะพี่คิดถึงนายมากกว่าจะมารู้สึกแบบนั้น" เสียงทุ้มตอบจริงจังใบหน้าหล่อไม่ฉายแววขี้เล่นเหมือนอย่างเคย

"..."

เจย์เลนตัดสินใจลุกขึ้นหมายจะเดินออกไปจากห้อง ยังไงเขาก็จะไม่ทำงานร่วมกับกียุลเด็ดขาด แต่คำพูดของกียุลทำให้เขาต้องชะงัก

"นายโตแล้วนะ พูดอะไรไว้แล้วมากลับคำแบบนี้พี่ว่ามันไม่ใช่ งานนี้เป็นงานใหญ่ ในเมื่อนายเลือกจะเข้ามาทำแล้วก็รับผิดชอบคำพูดด้วย ทำแบบนี้ในอนาคตใครจะไปอยากร่วมงานกับนาย วงการนี้มันแคบนะ ส่วนเรื่องส่วนตัวของเราถ้านายไม่สบายใจพี่ก็จะเว้นระยะห่างกับนาย"

ร่างเล็กเดินออกไปหลังจากเสียงทุ้มพูดจบแม้จะเจ็บจี๊ดที่ท้องน้อยขึ้นมากะทันหันเขาก็ไม่ยอมหยุดเดิน ฝืนเดินต่อไป เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบเรียวตะ คังจุน และเจ้าหน้าที่จากห้องพยาบาลยืนอยู่ คาดว่าคงได้ยินกันหมดแล้ว ร่างเล็กไม่สนเขาเดินหนีและตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกอยู่ใกล้กับกียุลไปก็มีแต่เจ็บกันทั้งคู่เขาอยู่ไม่ได้หรอก

"เจย์! รอพี่ด้วย! พี่ไปส่ง" คังจุนรีบวิ่งตามรุ่นน้องไป เฉียดฉิวกับลิฟต์ที่กำลังปิด ใบหน้าของเจย์เลนซีดมากขึ้นมีเหงื่อผุดออกมาเต็มกรอบหน้าและลำคอ ท้องน้อยก็เจ็บจี๊ดมากขึ้นจนต้องใช้มือค้ำยันผนังลิฟต์ไว้ให้ยืนอยู่ไหว

"โอ๊ย! พะ พี่จุน ผมเจ็บท้อง โอ๊ย!" ใบหน้าเริ่มเหยเกเมื่อความเจ็บปวดมากขึ้น คังจุนร้อนรนใจเข้าประคองน้องและภาวนาให้ลิฟต์ถึงชั้นใต้ดินที่จอดรถเสียที

"โอ๊ย! ฮืออออ ผมไม่ไหวพี่จุน อึ่ก" เมื่อลิฟต์ถึงจุดหมายคังจุนก็รีบอุ้มเจย์เลนไปที่รถนำส่งโรงพยาบาลทันทีและในวันนั้นเจย์เลนก็พบความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ชีวิตของเจย์เลนนับจากนี้จะเปลี่ยนไปตลอดกาล...

 

.

.

.

.

.

.

.

●—————◦◉◦—————●

 

โปรดติดตามตอนต่อไป...

มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม

รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ

เป็นไงกันบ้างคะ ฮือออ สงสารน้อนเจย์ แต่หนูดื้ออะลูก พี่เขารักหนูจะตายยย

 

ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก

1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ

จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ

วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา) (เฉพาะที่readawriteและDek-D)

ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!